1. กระถาง วางก็ได้ แขวนก็ดี
กระถางต้นไม้บนบันไดทางเดินช่วยเพิ่มสีสันและนำสายตาไปสู่ประตูบ้าน กระถางดอกไม้ข้างบ้านช่วยลดความดิบและสูงทึบของผนังไม้สีเข้ม กระถางสารพัดแบบวางได้สารพัดที่ มีขนาดทั้งเล็กและใหญ่ให้เลือกตามใจชอบ จะนำไปจัดวางตามมุมเล็กๆอย่างบนบันไดทางเดินหรือชานพักหน้าต่าง ก็ช่วยเพิ่มมุมมองและสีสันให้พื้นที่นั้นๆได้ สำหรับการเลือกกระถางนั้นไม่มีหลักตายตัว แต่ถ้าใช้ภายในบ้านอาจเลือกวัสดุที่มีรายละเอียดและสวยงาม เช่น เซรามิค แก้ว ส่วนนอกบ้านใช้วัสดุปูนเปลือย หรือกระถางดินเผา ก็จะแข็งแรงทนแดดทนฝนดีกว่า
2. พุ่มห้อย ลอยละล่อง
จัดสวนก็คล้ายๆกับการจัดพื้นที่ภายใน ใช้ไม้แขวนแทนแชนเดอเลียร์ใช้กระถางเป็นเฟอร์นิเจอร์เสริมด้วยงานศิลปะเข้าไปคุมโทนสีของพื้นและผนังให้เข้ากันสักนิด เท่านี้ก็ได้ห้องเล็กๆนอกบ้านแล้ว ไอเดียที่น่าสนใจคือการแขวนต้นไม้บนระแนงหลังคาหรือกันสาดริมระเบียง เลือกฟอร์มของไม้ที่มีเส้นสายสวยงาม นอกจากนี้อาจนำหลักการตกแต่งภายในแบบง่ายๆมาปรับใช้ก็ยังได้ โดยจัดวางองค์ประกอบให้มีจุดเด่น จุดรอง เช่น เลือกวางรูปปั้นเป็นจุดเด่น ใช้ไม้คลุมดินอย่างอาซาเลียวางเพิ่มเป็นสีสันบนพื้น จากนั้นใช้ไม้ทรงสูง เช่น เฟิร์นกีบแรดฟิลิปปินส์ เฟิร์นเขากวางใบตั้ง และสร้อยนางกรองห้อยต่ำลงมาให้อยู่ในระดับกลาง ส่วนระดับสูงสุดขององค์ประกอบใช้เฟินหางสิงห์ที่มีใบห้อยลงมาเป็นกลุ่ม เพื่อให้เกิดระยะนำสายตา ดึงความสนใจเข้าไปสู่สวนเล็กๆ
3. เล็กๆแต่มีลวดลาย
สวนแคบหนึ่งสวน แต่ถ้าใช้ทางเดินแบ่งให้เป็นมุมเล็กๆ 3-4 มุม สวนจะน่าชมพอๆกับสวนขนาดใหญ่ได้เลย แม้พื้นที่จะมีขนาดเล็กแต่เราสามารถเพิ่มความน่าสนใจให้มุมเล็กๆนี้ได้ด้วยการปูวัสดุปูพื้นที่เล่นลวดลายต่างกัน บางส่วนใช้เส้นโค้งมาช่วยลดทอนขอบมุม หรืออาจใช้รูปทรงฟรีฟอร์มในส่วนที่ต้องการแบ่งสัดส่วนวางต้นไม้ นอกจากนี้การใช้วัสดุปูพื้นที่มีผิวสัมผัสต่างกัน ทำให้พื้นที่เล็กๆนี้มีลูกเล่นไม่น่าเบื่อและช่วยให้พื้นที่ดูกว้างขึ้นด้วย
4. ศิลปะบนผนังและกระถางต้นไม้
คนเมืองหลายคนมีเวลาชมสวนกันหลังหกโมงเย็น การใส่ไฟจึงเป็นเรื่องสำคัญพอๆกับการเลือกต้นไม้ สวนแคบๆหลังบ้าน ถ้าได้แสงไฟส่องอย่างมีสไตล์ก็น่าดูดีเหมือนกัน ถ้าเบื่อการทาสีบนผนังแบบเดิมๆหรือการประดับรูปแก้เขินบนผนังว่างๆ ลองเปลี่ยนบรรยากาศ ด้วยการนำกระถางใบเล็กมาติดบนผนังแทน นอกจากจะดูแปลกตาแล้วยังสามารถใช้แทนงานศิลปะติดผนังได้ด้วย ถ้าผนังที่ว่าอยู่ภายในบ้าน ควรเลือกมุมที่สามารถรับแสงได้ในยามกลางวัน สำหรับพรรณไม้นั้นอาจใช้ไม้ในตระกูลสับปะรดสี เช่น ทิลแอนเซีย ไม้รากอากาศซึ่งทนแดดได้ดี ส่วนบนผนังติดไฟดาวน์ไลท์เพื่อเน้นกระถางต้นไม้ให้เด่นขึ้น ซึ่งแสงและเงาที่ตกกระทบบนผนังก็จะช่วยเปลี่ยนอารมณ์ให้ห้องได้เป็นอย่างดี
5. นั่งเล่นข้างรั้ว
กำแพงรั้วแบนๆน่าสนใจไม่พอ ลองก่อกำแพงเตี้ยที่ใช้นั่งได้เพิ่มไปอีกแนว จากนั้นก็ปลูกต้นไม้ไว้ตรงกลางระหว่างกำแพงทั้งสอง ให้คุณได้ใกล้ชิดธรรมชาติอย่างเต็มที่ เพียงแค่ทำที่นั่งเพิ่มเข้าไปในส่วนริมกำแพงบ้าน และใช้พื้นที่มุมนี้แบบ 3 in 1 ทั้งได้ยินเสียงน้ำจากน้ำตก ได้ชมไม้ดอกสีสด และยังเป็นที่นั่งสบายๆ โดยเลือกใช้วัสดุที่ดูกลมกลืนให้ความรู้สึกสบายตา แต่ถ้าต้องการให้เกิดเป็นจุดเด่น ลองใช้วัสดุที่แตกต่าง เช่น ใช้ไม้หรือปูนสลับกับอิฐมอญ วางเบาะนุ่มน่านั่งเพิ่มอีกนิด เป็นการเพิ่มประโยชน์ใช้สอยให้มุมเล็กๆนี้ไม่ถูกลืม
6. ผนังต้นไม้ สบายตา
ต้นไม้ที่เหมาะกับการปลูกบนผนังคือ ไม้ในกลุ่มไม้พุ่มคลุมดิน เช่น เศรษฐีเรือนในริปซาลิส พรมญี่ปุ่น เฟิร์นกนกนารี และเปปเปอร์โรเมียด่าง โดยด้านบนทำเป็นระแนงหลังคาแบบเปิดรับแสง ถ้าอยากได้ธรรมชาติก็ยกธรรมชาติเข้ามาไว้ในบ้านเสียเลย อาจใช้ผนังด้านหนึ่งในห้องน้ำนอกบ้านแทนพื้นดินสำหรับปลูกต้นไม้ โดยใช้โครงเหล็กติดตะแกรงพลาสติก ด้านหลังอัดใยปาล์มหรือใยมะพร้าวให้แน่น แล้วเจาะช่องให้ต้นไม้ออกมาได้ เมื่อต้นไม้โตก็คลุมดินกลายเป็นสวนแนวตั้ง ช่วยเปลี่ยนรูปแบบผนังเดิมๆได้ด้วย
7. ห้องกระจก เชื่อมในและนอกบ้าน
ห้องนั่งเล่นในบ้านที่ต่อเติมเป็นห้องกระจกตกแต่งภายในด้วยไม้ฟอร์มในกระถาง อย่างกระบองเพชร ลิ้นมังกร หรือวาสนา หาไม้ใบละเอียดเล็ก จะเป็นกล้วยไม้เฟิร์น หรือเศรษฐีไซ่ง่อน ปลูกเป็นไม้แขวน เพิ่มพื้นที่ใช้สอยท่ามกลางบรรยากาศสีเขียว หลังบ้านหรือข้างบ้านที่แสนแคบ บางทีคิดไม่ออกว่าจะจัดสวนแบบไหนดี ลองเปลี่ยนผนังทึบต่อเติมปรับเป็นห้องกระจก เลือกไม้กระถางฟอร์มเท่วางข้างใน ส่วนข้างรั้วด้านนอกปลูกต้นไม้ให้เหมาะกับขนาดพื้นที่ มองผ่านกระจกใสเห็นทั้งข้างในและข้างนอก ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นหนึ่งเดียวกัน
เรื่อง : “อัจฉรา”, “สายสุนีย์” ภาพ : คลังภาพบ้านและสวน ที่มา นิตยสารบ้านและสวน ฉบับที่ 378
http://www.hometophit.com/hometh/interresting.php